ชีวะประวิตศิลปินผู้สร้างสรรค์ตุงแห่งฟ้าล้านนา

ลุงสิงห์แก้ว มโนเพ็ชร

ศิลปินผู้สร้างสรรค์ตุงแห่งฟ้าล้านนา


ปัจจัยหนึ่งซึ่งมีส่วนอย่างยิ่งที่ทำใหตุง...ศิลปะแห่งล้านนา ยังคงยืนหยัดและได้รับกรอนุรักษ์มาได้อย่างเต็มภาคภูมิจนกระทั่งถึงทุกวันนี้ ก็คือ ศิลปินผู้สร้างสรรค์หนึ่งในศิลปินผู้ผลิตตุงอย่างมีคุณคำ ได้แก่ ลงสิงห์แก้ว มโนเพ็ชร ผู้สืบทอดสร้างสรรค์ตุงหลากหลายชนิดย่างต่อเนื่องนับแต่อดีตจนถึงปัจจุบันลุงสิงห์แก้ว มโนเพ็ชร เกิดในปี พ.ศ. ๒๔๖๒ ที่บ้านนั้นทาราม จังหวัดเชียงใหม่ ด้วยความที่เป็นชาวเหนือหรือชาวล้านนามาแต่กำเนิด จึงใช้ชีวิตในท้องถิ่นบ้านเกิดมาโดยตลอด

ลุงสิงห์แก้วเริ่มต้นการศึกษาโดยเป็นศิษย์ที่วัดฟ้อนสร้อย ประตูเมืองเชียงใหม่ จนจบชั้น ม.๔ แล้วจึงบวชเรียนเป็นสามเณรอยู่ได้ ๒ พรรษา ดังนั้น จึงไม่แปลกเลยที่ท่านมีความรู้ความชำนาญอย่างมากในด้านการเทศน์การธรรม อีกทั้งยังเขียนตัวหนังสือล้นนาได้อย่างเชี่ยวชาญ "การศึกษามิได้สอนให้ผู้เรียนเรียนรู้เพียงแต่ในชั้นเรียน" เป็นคำกล่าวที่ลุงสิงห์แก้วได้พิสูจน์ให้ทุกคนที่ล่วงรู้ถึงวิถีชีวิตของท่านรู้แจ้งมาแล้วขณะที่ทำนใช้ชีวิตอยู่ในวัดอันเป็นศูนย์รวมแห่งสรรพวิทยาการแขนงต่าง ๆ ทำให้ทนเก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์มาได้มากมาย อาทิ งานปูน งานปั้น งานแกะสลัก งานจิตรกรรม หรือแม้แต่ในสถานภาพของหมอยาในยามที่มีผู้ป่วยไข้มาขอพึ่งพาความรู้ทางยาของท่านท่านก็สามารถช่วยเยียวยรักษาอาการเจ็บป่วยได้ทุกครั้งด้วยสมุนไพร...ยาแผนโบราณของไทย

หลังจากที่สึกออกจากเพศบรรพชิตลุงสิงห์แก้วได้มีโอกาสเข้าทำงนในหน้ที่จัดแบบพิมพ์และพิสูจน์อักษรอยู่ถึง ๗ ปีเศษที่โรงพิมพ์แห่งหนึ่ง ตลอดเวลาที่ท่านทำงานเกี่ยวกับหนังสือ ประสบการณ์ทางโคลงตลอดจนวรรณคดีเกือบทุกแขนงก็ได้รับการสั่งสมไว้ในตัวกลอน กาพย์ท่าน ความรู้ที่เพิ่มขึ้นทุกวันๆ เหล่นี้ไม่ได้ทำให้ท่านรู้สึกเบื่อหน่ายในการเสาะแสวงหาความรู้แต่อย่างใด ยิ่งกลับทำให้ท่านหมั่นเพียรขึ้นอีกเป็นทวีคูณ

๘ ปีต่อมา หลังจากที่เลิกอาชีพการทำงานในโรงพิมพ์ ลุงสิงห์แก้วได้หันมาประกอบอาชีพทำกระตาษสา ทำร่ม และเขียนภาพวิว ในกาลต่อมาทนได้เช้ารับราชการที่กรมทางในตำแหน่งช่างฝีมือประจำเขตการทางเชียงใหม่ โดยในระยะนั้นท่านได้รับเกียรติให้ทำงานสอย่างหนึ่ง นั่นคือ การทำซุ้มที่ตกแต่งประดับประดาอย่างงดงามในการถวายการต้อนรับองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และต้อนรับอาคันตุกะที่มาเยือนเชียงใหม่การที่ลุงสิงห์แก้วได้รับความไว้วางใจให้มาทำงานสำคัญนี้ ก็เนื่องมาจากในสมัยที่อยู่ที่วัดท่านได้คลุกคลีกับช่างประดิษฐ์ลวดลายไทยตามปราสาทใส่ศพ ทำให้ได้ซึมซับและเรียนรู้ในเรื่องการตกแต่งประดับประดาได้อย่างแตกฉาน

ในสมัยก่อนนั้นยังไม่มีปราสาทใส่ศพขายตามท้องตลาดอย่างปัจจุบัน คุณลุงสิงห์แก้วก็จะมีหน้าที่ทำตุงทำถุงใส่ข้าวให้ตลอดอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ด้วยความมีน้ำใจตามแบบฉบับไทยแท้ และด้วยความที่มีใจรักงานศิลปะอย่างแท้จริง

พอย่างเข้าเทศกาลงานบุญคราใด ที่บ้านของลุงสิงห์แก้วแถบชานเมืองเชียงใหม่จะมีคนเดินเข้าออกกันขวักไขว่ ด้วยเป็นศูนย์รวมแห่งงานตุงสารพัดแบบอันทรงคุณค่าที่ใคร ๆ ก็อยากมาเยี่ยมชมการประดิดประคอยงานศิลปะที่ละเอียดลออซึ่งท่านทำด้วยใจรัก ดังที่ทนได้เคยให้สัมภาษณ์ใน อนุสาร อ.ส.ท. (การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย) ปีที่ ๒๙ ฉบับที่ ๕ เดือนธันวาคม ๒๕ต๑ ว่า "ตุงมีตั้งมากมายหลายชนิด ส่วนใหญ่แล้วเราจะทำไปช่วยงานบุญกุศลเสียมากกว่า น้อยครั้งนักที่จะทำขายนอกจากว่าเจ้าภาพเขาจะช่วยมา แต่ลุงก็ทำเพราะใจรักชอบทำมากกว่าอยู่เฉยๆ"

นอกจากนี้ลุงสิงห์แก้วยังอธิบายเรื่องของตุงด้วยว่า"ตุงอย่างง่ายๆ ที่ช้ากันมากก็เห็นจะเป็นตุงร้อยแปด ตัดเป็นตุงสามเหลี่ยมเล็ก ๆ ใช้สีต่าง ๆ แล้วแต่พิธี เช่นพิธีสืบชะตา ลดเคราะห์ บูชาเทพเจ้า ตงชนิดนี้ใช้ที่ละมาก ๆจึงไม่ต้องทำลวดลายใด ๆอีกแบบหนึ่งเป็นตุงรูปสามหลี่ยมเช่นกัน แต่ขนาดใหญ่กว่าตุงร้อยแปด ทั้งยังมีลวดลายปรุเป็นรูปดอก ลายต่าง ๆ แล้วแต่จะประดิดประคอยให้สวยงามอย่างใดก็ได้ใช้ปักเครื่องไทยทานหรือปักต้นคา ต้นกล้วย พร้อมกับธนบัตรแห่ไปในงานพิธีต่าง ๆ เช่น ทอดผ้าป้า ทอดกฐินปอยหลวง ปักเจดีย์ทราย งานสงกรานต์ ตุงแบบนี้เรียกว่าตงช่อนำทาน..."

นั่นเป็นเพียงความรู้เพียงเล็กน้อยในทั้งหมดที่ลุงสิงห์แก้วมี เพราะนอกจกเรื่องตุงที่นับได้ว่าท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญที่สุดแล้ว ยังมีศิลปะพื้นบ้านอีกมากมายที่ท่านรอบรู้โดยไหวงวิชา ไม่เว้นแม้กระทั่งพิธีการพื้นบ้านอย่างการขึ้นบ้านใหม่ การตั้งศาลพระภูมิ ตลอดจนงานใหญ่ระดับชาติอย่างพิธีไหว้สาแม่ฟ้าหลวงนับวันศิลปินผู้เจนจบอย่าง ลุงสิงห์แก้ว มโนเพ็ชร จะเหลืออยู่น้อยลหุกทีในยุคแห่งวิทยาการล้ำสมัย จึงทำให้ศิลปะพื้นบ้านถูกหลงลืมไปกับกาลเวลา จนบางอย่างได้กลบลบเลือนไปแล้ว ดังนั้น จึงเป็นหน้าที่ที่อนุชนรุ่นหลังจะควรช่วยกันฟูมกอนุรักษ์สืบทอดไว้ โดยเฉพาะอนุชนท้องถิ่นที่เป็นเจ้าของศิลปะพื้นบ้านอันเป็นมรดกแผ่นดินนั้นโดยตรงระดับบ้านเรือ 

ความคิดเห็น